Bearish Divergence คืออะไร? เป็นหนึ่งในรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่นักลงทุนใช้ในการทำนายแนวโน้มราคาที่อาจจะลดลงในอนาคต โดยอาศัยการเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์กับอินดิเคเตอร์ เช่น Relative Strength Index (RSI) หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD)
หลักการทำงาน:
- ราคาทำสูงสุดใหม่: ราคาของกราฟสร้างจุดสูงสุดใหม่ (Higher High)
- อินดิเคเตอร์ไม่ทำสูงสุดใหม่: อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคกลับมาทำจุดสูงสุดไม่ได้ (Lower High) หรือทำต่ำลง (Lower Low)
ความหมาย:
- ความขัดแย้ง: การที่ราคาทำสูงสุดใหม่ แต่อินดิเคเตอร์กลับไม่สามารถยืนยันความแข็งแกร่งนี้ได้ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงซื้อกำลังอ่อนตัวลง และอาจเกิดการพลิกกลับของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
- สัญญาณขาย: Bearish Divergence จึงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่านักลงทุนอาจพิจารณาขายสินทรัพย์ออกไป หรือทำการป้องกันความเสี่ยง
ภาพประกอบ:
ตัวอย่าง:
- หุ้น: ราคาหุ้น forex ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ค่า RSI กลับลดลงต่ำกว่าระดับ 70
- คริปโตเคอร์เรนซี: ราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ MACD เริ่มก่อตัวเป็นสัญญาณ Cross Down
ข้อควรระวัง:
- ไม่ใช่สัญญาณที่แน่นอน: Bearish Divergence เป็นเพียงสัญญาณเตือน ไม่ได้หมายความว่าราคาจะต้องลดลงอย่างแน่นอน
- ควรใช้ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ: ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ข่าวสาร ปัจจัยพื้นฐาน และรูปแบบกราฟอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ
- ระยะเวลา: การเกิด Bearish Divergence อาจใช้เวลาในการยืนยันสัญญาณ