Bullish divergence คือคำศัพท์ทางการเงินที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟราคาของหลักทรัพย์ เช่น หุ้น, forex, คริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งมีการใช้แสดงถึงสัญญาณทางเทคนิคที่อาจชี้บอกว่าตลาดกำลังเตรียมตัวที่จะขึ้นลงตามที่ราคากำลังลดลงหรือกำลังแกว่งตัว
Bullish divergence มักเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงค่า higher lows (ค่าต่ำสุดที่สูงขึ้น) ในราคาของหลักทรัพย์ พร้อมกับ lower lows (ค่าต่ำสุดที่ต่ำลง) ในการเทรดที่ใช้ เช่นอินดิเคเตอร์ RSI (Relative Strength Index) หรือ MACD (Moving Average Convergence Divergence)
ในกรณีนี้, การบอกว่ามี bullish divergence หมายถึงตลาดมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงจากการลดลงไปเป็นการขึ้น นักลงทุนมักนำข้อมูลจาก bullish divergence เพื่อปรับกลยุทธ์การเทรดหรือการตัดสินใจการลงทุนของตนเอง แต่ควรทราบว่าไม่มีเทคนิคใดๆที่สามารถทำนายตลาดได้แม่นยำ 100% การใช้ bullish divergence หรือเทคนิคอื่นๆควรร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆและการทำความเข้าใจลึกลงของตลาด
การทำวิเคราะห์ bullish divergence ในกราฟราคามักเป็นไปตามขั้นตอนนี้:
- ตรวจสอบราคา: ดูที่กราฟราคาของหลักทรัพย์ที่คุณสนใจ ค้นหาว่าราคามีแนวโน้มที่ลดลงหรืออยู่ในช่วงแนวรับที่ต่ำ
- ตรวจสอบอินดิเคเตอร์เทคนิค: ใช้อินดิเคเตอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น RSI, MACD, หรือ Stochastic Oscillator เพื่อดูว่ามีการแสดง lower lows ในอินดิเคเตอร์นั้นๆหรือไม่
- ตรวจสอบราคาต่ำสุด (Low) ในกราฟราคา: ดูว่าราคาต่ำสุดของหลักทรัพย์มีแนวโน้มที่ลดลงหรือไม่
- ตรวจสอบ higher lows ในอินดิเคเตอร์: ถ้าอินดิเคเตอร์แสดง higher lows ในขณะที่ราคาต่ำสุดของหลักทรัพย์กำลังลดลง, นั้นถือเป็นสัญญาณ bullish divergence
- ตรวจสอบสัญญาณเพิ่มเติม: ควรมีการพิจารณาสัญญาณอื่นๆที่อาจช่วยยืนยัน bullish divergence เช่น แนวรับแนวต้าน (support levels), การแกว่งตัวของราคา (oscillations), หรือแนวโน้มทางเทคนิคอื่นๆ
- ดำเนินการตาม: หลังจากที่คุณรับรู้ถึง bullish divergence คุณสามารถตัดสินใจทำการซื้อหรือเพิ่มการลงทุนขึ้นได้ โดยให้ความสนใจต่อความเสี่ยงและตั้งเป้าหมายกำไรและขาดทุน
Bullish divergence เป็นเพียงสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงโอกาสการกลับตัวของแนวโน้มเท่านั้น นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย เช่น ปริมาณการซื้อขาย แนวโน้มของตลาดโดยรวม และปัจจัยพื้นฐานของหุ้น