Non farm payroll (NFP) เป็นคำศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์และแสดงผลจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในภาคปกติของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (United States) NFP รายงานผลของงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งรวมถึงงานในภาคการผลิต บริการ ส่วนราชการ และอื่นๆ ยกเว้นงานในภาคเกษตร เนื่องจากงานในภาคเกษตรมีลักษณะการจ้างงานที่มีความผันผวนมากและมีผลกระทบจากปัจจัยธรรมชาติ เช่น สภาพอากาศ ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขของ NFP ของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงด้านเดียวกับภาคเกษตรสามารถมองเห็นความผันผวนในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ได้ดีกว่า
รายงาน NFP ออกในทุกเดือนในวันที่หนึ่งในช่วงช่วงสองสามสัปดาห์หลังจากเดือนที่ต้องการรายงาน รายงานเล่าถึงจำนวนงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในเดือนนั้น รวมถึงอัตราการว่างงานและอัตราการว่างงานที่ถือเป็นตัวชี้วัดของความสมดุลของตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกา รายงาน NFP เป็นข้อมูลที่สำคัญในการวิเคราะห์และพิจารณาถึงสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ธนาคารกลาง และนักเศรษฐศาสตร์ในการวิเคราะห์แนวโน้มของเศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจที่อาจถูกนำมาปรับปรุงในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงใน NFP สามารถมีผลกระทบต่อตลาดการเงินและตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและราคาหุ้น การเพิ่มจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นใน NFP ส่วนใหญ่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเศรษฐกิจและอาจทำให้ตลาดหุ้นขึ้นตามไปด้วย ในทางตรงกันข้าม การลดจำนวนงานใน NFP ส่วนใหญ่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับเศรษฐกิจและอาจทำให้ตลาดหุ้นลงตามไปด้วย การวิเคราะห์และการออกแบบกลยุทธ์การลงทุนในตลาดการเงินและตลาดหลักทรัพย์จึงต้องพิจารณาผลของ NFP รวมถึงตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟดเดอรัลริเซอร์ฯ (Federal Reserve’s interest rates) เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นได้ดีที่สุด
NFP ยังเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ส่วนใหญ่ผู้วิเคราะห์เศรษฐกิจและนักลงทุนจะใช้ข้อมูล NFP เพื่อประเมินแนวโน้มของตลาดแรงงาน การเพิ่มจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นใน NFP จะสร้างความมั่งคั่งในตลาดแรงงาน ทำให้อัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น และยังมีผลต่อการเพิ่มการบริโภค ซึ่งอาจส่งผลในการเพิ่มการเติบโตเศรษฐกิจอีกด้วย
นอกจากนี้ NFP ยังมีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve) เกี่ยวกับนโยบายเงินตราและอัตราดอกเบี้ย ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงใน NFP อาจส่งผลในการปรับปรุงนโยบายเงินตราและอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
นอกจากนั้น NFP ยังสร้างผลกระทบต่อตลาดทางการเงินระยะสั้น โดยผู้ลงทุนและนักธุรกิจอาจใช้ข้อมูล NFP เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุน วางแผนการสร้างงาน หรือเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์และการใช้ข้อมูล NFP ควรพิจารณาร่วมกับตัวชี้วัดและข้อมูลอื่นๆ เช่น GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ), CPI (อัตราการเงินตราและราคาสินค้า), PMI (ดัชนีการจัดซื้อผลิตภัณฑ์), และตัวชี้วัดการบริโภค เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครอบคลุมและเป็นรูปแบบที่มีความสมดุลเมื่อต้องการวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจที่ถูกต้องและเต็มรูปแบบมากที่สุด