Trading strategy (กลยุทธ์การซื้อขาย) หมายถึง แผนการดำเนินการที่กำหนดขึ้นเพื่อให้คนซื้อขายสามารถวางแผนและดำเนินการในตลาดทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ กลยุทธ์การซื้อขายสามารถครอบคลุมหลายรูปแบบ เช่น กลยุทธ์เทรนด์ติดตาม (trend following strategy) ซึ่งเน้นการซื้อขายตามทิศทางเทรนด์ของตลาด
หรือกลยุทธ์การซื้อขายเทคนิค (technical trading strategy) ซึ่งใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดเทคนิคเพื่อให้คาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต อีกทั้งยังมีกลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการวิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลพื้นฐานของบริษัทหรือตลาด (fundamental trading-strategy) และอื่นๆ ตามความต้องการและสไตล์การซื้อขายของแต่ละบุคคล กลยุทธ์การซื้อขายที่ถูกออกแบบดีจะช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถควบคุมความเสี่ยง และมีโอกาสในการทำกำไรในตลาดทางการเงินได้มากขึ้น
นอกจากกลยุทธ์ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีกลยุทธ์การซื้อขายอื่นๆ ที่ใช้ในตลาดทางการเงินด้วยกันอีกมากมาย ตัวอย่างเช่น:
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบวิเคราะห์เทคนิค (Technical Analysis Strategy): ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น แผนภูมิแท่งเทียน (candlestick charts) และตัวชี้วัดเทคนิค เพื่อหาสัญญาณซื้อขายที่เหมาะสม โดยพิจารณาความเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มของตลาด
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis Strategy): ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวสารและข้อมูลทางธุรกิจ เช่น รายงานการเงินของบริษัท ข้อมูลเศรษฐกิจ และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เพื่อประเมินความเป็นมูลค่าและการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบเบิ้ล (Pairs Trading-Strategy): ใช้ในการซื้อหุ้นในคู่สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกัน โดยพยายามทำกำไรจากความแตกต่างในการเคลื่อนไหวราคาระหว่างสองสินทรัพย์ในคู่นั้นๆ
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบอัตราแลกเปลี่ยน (Forex Trading-Strategy): ใช้ในการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ โดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศ ประสบการณ์การซื้อขายรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยน และตัวชี้วัดทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงิน
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบสไลด์ (Scalping Strategy): เน้นการทำกำไรจากการซื้อขายที่รวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ เช่น ไม่เกินหลายนาทีหรือไม่เกินหลายชั่วโมง โดยผู้ซื้อขายจะมุ่งเน้นการเข้า-ออกด้วยกำไรเล็กๆ แต่ทำซ้ำได้บ่อยๆ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของกลยุทธ์การซื้อขายที่มีในตลาดทางการเงิน ความเหมาะสมของกลยุทธ์แต่ละแบบขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายของแต่ละบุคคลและความเข้าใจในตลาดในแต่ละวัน
นอกจากกลยุทธ์การซื้อขายที่กล่าวมาแล้ว ยังมีกลยุทธ์การซื้อขายอื่นๆ ที่น่าสนใจในตลาดทางการเงินดังนี้:
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบหุ้นส่วน (Equity Trading-Strategy): ใช้ในการซื้อขายหุ้นทั่วไปบนตลาดหลักทรัพย์ เช่น การซื้อขายในขณะที่มีข่าวสารหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น เป็นต้น
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบลอง (Speculative Trading-Strategy): เน้นการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อผลกำไรที่มากขึ้น โดยใช้เครื่องมือและการวิเคราะห์เพื่อตระหนักถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบอัตราส่วน (Ratio Trading-Strategy): เน้นการซื้อขายในรูปแบบอัตราส่วนระหว่างสินทรัพย์ เช่น ซื้อหุ้นในบริษัท A และขายหุ้นในบริษัท B โดยให้สัดส่วนการซื้อขายเหมาะสมกัน
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบเลเวอเรจ (Leverage Trading-Strategy): เน้นการซื้อขายโดยใช้เงินกู้เพิ่มเพื่อทำกำไรให้มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงและต้องใช้การจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง
- กลยุทธ์การซื้อขายแบบเลือกหุ้น (Stock Picking Strategy): เน้นการเลือกซื้อหุ้นบริษัทที่มีโอกาสในการเติบโตและมีผลกำไรดี เช่น การซื้อหุ้นของบริษัทที่มีโครงสร้างอุตสาหกรรมเติบโตอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จในการซื้อขายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรู้และความเข้าใจในตลาดทางการเงิน การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน การจัดการความเสี่ยง การทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์ เป็นต้น ความสำเร็จของกลยุทธ์การซื้อขายแต่ละแบบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและสถานการณ์ตลาดที่แตกต่างกัน การศึกษาและทดสอบกลยุทธ์ก่อนนำมาใช้จริงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขาย