ในการเทรดฟอเร็กซ์ Margin หรือ มาร์จิ้น forex คือ หลักประกันจำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดและรักษาสถานะการซื้อขายเอาไว้ มาร์จิ้นเปรียบเสมือนเงินมัดจำ ซึ่งจะถูกคืนให้เทรดเดอร์เมื่อปิดสถานะ ยกเว้นกรณีที่มีการขาดทุนจนจำนวนมาร์จิ้นไม่เพียงพอ โบรกเกอร์อาจเรียก Margin Call ให้เทรดเดอร์ฝากเงินเพิ่มเพื่อรักษาสถานะเอาไว้
ตัวอย่าง:
สมมติว่าเทรดเดอร์ต้องการซื้อ EUR/USD 1 ล็อต (100,000 หน่วย) โดยใช้เลเวอเรจ 1:100
- มูลค่าของ 1 ล็อต EUR/USD อยู่ที่ $11,150 (1.0946 * 10,000)
- เทรดเดอร์ต้องมีมาร์จิ้น $111.50 ($11,150 / 100)
ประโยชน์ของมาร์จิ้น:
- ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินทุนที่มีอยู่หลายเท่า โดยใช้เลเวอเรจ
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน
ความเสี่ยงของมาร์จิ้น:
- หากราคาเคลื่อนไหวไปในทางตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของเทรดเดอร์ เทรดเดอร์อาจสูญเสียเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว
- กรณีมาร์จิ้นไม่เพียงพอ โบรกเกอร์อาจเรียก Margin Call เทรดเดอร์จำเป็นต้องฝากเงินเพิ่ม มิฉะนั้นสถานะจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินทุนทั้งหมด
มาร์จิ้นฟอเร็กซ์มีสองประเภทหลักๆ ดังนี้:
- มาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin): จำนวนเงินขั้นต่ำที่เทรดเดอร์ต้องมีเพื่อเปิดสถานะการซื้อขาย
- มาร์จิ้นคงเหลือ (Maintenance Margin): จำนวนเงินขั้นต่ำที่เทรดเดอร์ต้องรักษาไว้ในบัญชี เพื่อคงสถานะการซื้อขายเอาไว้
เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆเพื่อจัดการมาร์จิ้น ดังนี้:
- ใช้เลเวอเรจที่เหมาะสม: เทรดเดอร์ควรเลือกใช้เลเวอเรจที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ติดตามมาร์จิ้นคงเหลือ: เทรดเดอร์ควรติดตามมาร์จิ้นคงเหลือในบัญชีของตนอย่างสม่ำเสมอ
- ปิดสถานะที่มีกำไร: เทรดเดอร์ควรปิดสถานะที่มีกำไร เพื่อลดมาร์จิ้นที่ต้องการ
- ฝากเงินเพิ่ม: เทรดเดอร์สามารถฝากเงินเพิ่มในบัญชี เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น
ก่อนที่จะเริ่มเทรดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์ควรศึกษาความหมายของมาร์จิ้น เลเวอเรจ และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อตัดสินใจว่าเหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดของตนหรือไม่